Chiangmai Thailand

โรงเรียนสอนภาษาและกวดวิชาปราชญ์เชียงใหม่

TEST TUTOR เชียงใหม่ 052-009489 , 085-0300735

testtutor14@gmail.com

อยู่ในโครงการบิสสิเนสปาร์ค หลังบิ๊กซีเอ๊กตร้า และ ในปั๊ม ปตท หลังมหาวิทยาลัพพายัพ

052-009489 , 085-0300735

testtuor14@gmail.com

เชียงใหม่บิสสิเนสพาร์ค

ChiangMai, Thailand

TOEFL (Test of English as a Foreign Language)

การสอบ TOEFL (Test of English as a Foreign Language) 

TOEFL การสอบ TOEFL หรือ Test of English as a Foreign Language เป็นการสอบเพื่อวัดระดับทักษะการสื่อสาร ภาษาอังกฤษสำหรับชาวต่างชาติที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาประจำชาติ เพื่อศึกษาต่อในประเทศ ที่ใช้ภาษาอังกฤษในการสอน รวมถึงหลักสูตรนานาชาติในประเทศไทย

ทำไม TOEFL ถึงมีชื่อเรียกหลายชื่อ เนื่องจากการสอบ TOEFL มีอยู่หลากหลายประเภท จึงมีรหัสตามหลังจากคำว่า TOEFL มากมาย เช่น TOEFL iBT, TOEFL PBT, TOEFL ITP อ่านเพิ่มเติม เรามาดูกันว่ารหัสแต่ละอย่างมีความหมายอย่างไรกันบ้าง TOEFL PBT PBT ย่อมากจาก Paper-Based Testing หรือแปลตรงตัวก็คือการสอบแบบทำข้อสอบกับกระดาษซึ่งเป็นการสอบ TOEFL แบบดั้งเดิมตั้งแต่ปี 1964 จนถึงปี 2000 ที่มีการสอบแบบ CBT (Computer-Based Testing) มาทดแทน อย่างไรก็ตามตั้งแต่ปี 2008 เป็นต้นมาก็ได้มีการเปิดสอบ TOEFL PBT อีกครั้งจนถึงปัจจุบันในพื้นที่ที่ไม่สะดวกจะทำการทดสอบด้วยคอมพิวเตอร์ การสอบแบบ PBT ประกอบไปด้วย Listening, Structure, Listening โดยมีคะแนนตั้งแต่ 310-677 คะแนน ส่วนการสอบ Writing (รู้จักกันในชื่อ TWE) สามารถเลือกที่จะสอบหรือไม่ก็ได้ การคิดคะแนนในส่วนนี้จะแยกออกไปต่างหากจากส่วนอื่นๆ โดยมีคะแนนตั้งแต่ 0-6 คะแนน TOEFL CBT CBT ย่อมากจาก Computer-Based Testing หรือแปลตรงตัวก็คือการสอบแบบทำข้อสอบกับคอมพิวเตอร์ซึ่งเป็นการสอบ TOEFLตั้งแต่ช่วงปี 2000 จนถึงปี 2005 เนื้อหาในการสอบยังคงเหมือนกับ TOEFL PBT แต่ต่างกันตรงที่ผู้สอบทุกคนจะต้องสอบ Writing (การสอบแบบ PBT สามารถเลือกที่จะไม่สอบได้) ช่วงคะแนนอยู่ที่ 0-300 TOEFL iBT iBT ย่อมากจาก internet-Based Testing เป็นการสอบ TOEFLตั้งแต่ช่วงปี 2005 จนถึงปัจจุบัน เนื้อหาในการสอบมี 4 ส่วนคือ Reading, Listening, Speaking, Writing แถมยังมีข้อสอบในบางข้อที่เป็น Integrated Task คือต้องใช้ทักษะหลายอย่างในคำถามเดียว เช่น มีคำถามให้อ่านแต่ต้องตอบด้วยการพูด ช่วงคะแนนอยู่ที่ 0-120 (แต่หลายๆคนยังนิยมแปลงคะแนนเป็นระบบ PBT เนื่องจากเป็นระบบที่ใช้กันมานานหลายสิบปีจนคุ้นเคย เช่น อยากสอบให้ได้ 550 ซึ่งจะเท่ากับการสอบให้ได้ 79 ในระบบ iBT) TOEFL ITP ITP ย่อมากจาก Institutional Testing Program นี่คือข้อสอบ TOEFL ที่องค์กรต่างๆซื้อมาจาก ETS หรือองค์กรจัดสอบ TOEFL (ซึ่งเอาเข้าจริงๆแล้วก็คือข้อสอบ TOEFL PBT นั่นเอง ดังนั้นเนื้อหาจะประกอบไปด้วย Listening, Structure, Listening และอาจมีข้อสอบ Writing หรือ TWE เพิ่มด้วย) เพื่อใช้ในการทดสอบ เช่น MUIC หรือวิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยมหิดลมีการจัดสอบ TOEFL ITP เพื่อใช้คัดผู้สอบที่มีความสามารถพอเข้าเรียนต่อนั่นเอง หลายๆคนนิยมเรียกว่า TOEFL MUIC แต่จริงๆแล้วมันคือ TOEFL ITP ที่ MUIC ซื้อข้อสอบมา ข้อสอบชนิดนี้ไม่เป็นที่นิยมมากนักเนื่องจากคะแนนที่ได้สามารถนำไปยื่นสมัครกับสถาบันที่จัดสอบเท่านั้น ไม่สามารถนำไปใช้ที่อื่นได้ เช่น สอบ TOEFL ITP ที่ MUIC จะไม่สามารถนำผลคะแนนไปยื่นสมัครที่จุฬาฯ ธรรมศาสตร์ หรือที่อื่นๆได้ แต่หากสอบ TOEFL iBT จะสามารถนำผลไปยื่นสมัครในทุกที่ที่กล่าวมาได้

ลักษณะข้อสอบ TOELF iBT

เป็นอย่างไร ประกอบไปด้วยข้อสอบใน 4 ทักษะทั้งด้าน Listening, Speaking, Reading และ Writing คะแนนรวม 120 คะแนน แยกออกเป็นทักษะละ 30 คะแนน

Reading

ข้อสอบประกอบไปด้วย 3-5 Passage เนื้อหาประกอบไปด้วยวิชาทั่วไปที่เปิดสอนในมหาวิทยาลัย โดยผู้สอบจะต้องเข้าใจเนื้อหาโดยรวมและตอบคำถามในหลายๆรูปแบบ เช่น การจับใจความ (Main idea) หรือคาดเดาความรู้สึกของผู้เขียน ตลอดจนการเติมคำและหาข้อสรุปจากเนื้อหาที่ให้มา

Listening

ข้อสอบจะประกอบไปด้วย 6 Passage โดยแต่ละ Passage มีความยาวประมาณ 3-5 นาที ซึ่ง 2 Passage แรกจะเป็นบทสนทนาระหว่างนักเรียนโดยมี 5 คำถามต่อ Passage ในขณะที่ 4 Passage ที่เหลือจะเป็นการฟังการบรรยาย (Lecture) หรือการโต้เถียง (Discussion) โดยมี 6 คำถามต่อ Passage ผู้สอบจะมีโอกาสฟังเพียงครั้งเดียวเท่านั้นโดยสามารถจดข้อความระหว่างการฟังได้ ลักษณะของคำถามนั้นจะถามตั้งแต่รายละเอียดปลีกย่อยของบทสนทนา ใจความของบทสนทนา ไปจนถึงทัศนคติและวัตถุประสงค์ของผู้พูดแต่ละคน

Speaking

ผู้สอบจะต้องแสดงความสามารถในการพูดทั้งสิ้น 6 ครั้ง โดย 2 ครั้งแรกเป็นการตอบคำถามทั่วไป ส่วน 4 ครั้งหลังนั้นเรียกว่าเป็น Integrated Task ซึ่งผู้สอบจะต้องฟังการบรรยายหรือบทสนทนาและ/หรืออ่าน Passage สั้นๆก่อนที่จะพูดเพื่อตอบคำถาม การประเมินผลในส่วนนี้ไม่ได้วัดว่าผู้สอบจะพูดชัดและมีสำเนียงที่เพราะ แต่ต้องการวัดว่าผู้สอบสามารถนำสิ่งที่อ่านและได้ยินมาถ่ายทอดให้ผู้ฟังเข้าใจด้วยการพูดได้ดีหรือไม่ Writing การทดสอบ

Writing

นั้นมีอยู่ 2 ข้อ ข้อแรกเป็นการเขียน Essay ทั่วๆไป ข้ออีกข้อหนึ่งเป็น Integrated Task ซึ่งผู้สอบต้องอ่านและฟังการบรรยายในหัวข้อเดียวกันเพื่อนำมาพูดถึงความสัมพันธ์ของใจความระหว่างสิ่งที่ได้อ่านและได้ฟัง

หน่วยงานรับผิดชอบ ค่าสอบและสถานที่สอบ TOEFL

ผู้ต้องการสอบ TOEFL สามารถสมัครสอบผ่านทางเว็บไซท์ของ ETS ซึ่งเป็นองค์กรจัดสอบ โดยชำระค่าสมัครสอบด้วยบัตรเครดิตหรือเดบิตเป็นจำนวน $185 (หากสอบแบบ PBT ชำระ $150) อ่านเพิ่มเติม ผู้ที่ต้องการเปลี่ยนวันสอบ (Rescheduling) จะต้องดำเนินการอย่างน้อย 3 วันก่อนวันสอบและชำระเงิน $60 ในกรณีที่ต้องการยกเลิกการสอบ (Cancel) ต้องดำเนินการอย่างน้อย 3 วันก่อนวันสอบและจะได้รับเงินคืน (Refund) เพียงครึ่งเดียว การจัดสอบ TOEFL ในประเทศไทยมีประมาณ 30-40 รอบต่อปี โดยมีการจัดสอบในวันเสาร์หรือวันอาทิตย์ (เนื่องจากใน 1 ปีมี 52 สัปดาห์ การสอบ TOEFL จึงไม่ได้จัดขึ้นทุกสัปดาห์) เวลาสอบมีทั้งช่วงเช้าและบ่าย โดยใช้เวลาสอบประมาณ 4 ชั่วโมงครึ่ง ศูนย์ทดสอบอยู่ที่กรุงเทพมหานคร เชียงใหม่ หาดใหญ่ สระบุรี และนครศรีธรรมราช ในปัจจุบันมีศูนย์สอบ TOEFL อยู่หลายแห่งซึ่งหากต้องการตรวจสอบว่ามีที่ใดบ้าง สามารถตรวจสอบได้ที่เว็บไซท์ของ ETS ซึ่งเป็นองค์กรจัดสอบ TOEFL โดยต้องสร้าง Username เพื่อตรวจสอบสถานที่สอบวันและเวลาสอบ ตลอดจนรายละเอียดที่ควรทราบอื่นๆ ผู้สอบจะทราบผลสอบประมาณ 2 สัปดาห์หลังจากวันสอบโดยการ Log in เข้าไปที่ Username ที่สมัครไว้เมื่อตอนที่สมัครสอบ ส่วนผลสอบที่ส่งมาทางจดหมายอาจใช้เวลาถึง 4 สัปดาห์หรือมากกว่า

🎓🎓 Part of Our Success 🎓🎓